เส้นทางสู่ความสำเร็จของ Netfilx ด้วย Big Data
ในช่วงนี้ถ้าพูดถึงการดูหนังแบบชิวๆ สบายๆ ที่บ้านของเรา ก็ต้องพูดถึงหนึ่งแอปพลิเคชั่นที่เป็นที่รู้จักในบรรดาคอหนัง คอซีรีส์ นั่นก็คือ…
“บริการสตรีมมิงสัญชาติอเมริกันที่เปิดพื้นที่ให้กับคอหนัง วาไรตี้ สารคดี
และ อื่นๆ อีกมากมาย มารับชมเนื้อหาได้อย่างไร้ขีดจำกัด ปัจจุบันมีผู้ติดตาม 100 ล้านคนจากทั่วโลก!!”
และนี่ก็เป็นที่มาของข้อมูลจำนวนมหาศาล หรือ Big Data ที่เหล่าทีมงาน Netflix นำมาวิเคราะห์เพื่อทำให้ผู้ใช้ชื่นชอบในธุรกิจของเขามากขึ้น และทำให้บริษัทแห่งนี้ครองตำแหน่ง “เจ้าพ่อวงการสตรีมมิ่ง” ไปโดยปริยาย
วันนี้ เรามาดูเบื้องหลังความลับของ Netflix นี้กันเลย !
ก่อนที่จะเข้าสู่เรื่องราวข
ถ้าเราเลือกที่จะเก็บข้อมูล
- Volume มีปริมาณของข้อมูลที่มีขนาด
ใหญ่ และมีความสำคัญ - Variety มีความหลากหลายของชนิดข้อมู
ล - Velocity มีความเร็วในการสร้างข้อมูล
และประมวลผลข้อมูล - Veracity ถ้ามีคุณภาพของข้อมูลมีทั้ง
ดีและไม่ดี แต่ในส่วนที่ดีจะส่งผลต่อผล การวิเคราะห์ข้อมูลที่ดีได้
Netfilx คาดว่าอัลกอริทึ่มของเขาจะช่วยประหยัดได้ถึง 1 พันล้านดอลล่าห์ต่อปี เพื่อรักษาฐานลูกค้าเอาไว้
สมาชิกของ Netfilx ปกติจะหยุดดูหนังที่ตนเองไม่สนใจ หลังจากรับชมไปแล้ว 60-90 วินาที หรือเรื่องที่มี 10-20 รีวิว
หน้า Homepage จะมีหนังที่ถูกจัดวางทั้งหมด 40 แถว (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ platform ของแต่ละเครื่องของผู้ใช้) และในแต่ละแถวจะมีหนังทั้งหมด 75 เรื่อง
เมื่อต้นปี 2549 สมัยที่บริษัท Netfilx ยังคงทำธุรกิจแบบยืม DVD ผ่านอีเมล (DVD-mailing business) ก็ได้เปิดตัวการแข่งขัน “Netfilx prize” กิจกรรมล่าเงินรางวัล 1 ล้านดอลล่าห์จาก Netfilx โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องสร้างอัลกอริทึ่มทำนายว่าลูกค้าจะชื่นชอบหนังโดยดูจาก rating หนังก่อนๆ ก็จะได้รับเงินรางวัลนี้ไป
Netfilx ได้ประกาศผู้ชนะการแข่งขันในปี 2550
ถึงแม้ว่าอัลกอริทึ่มจะต้องปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงรูปคอนเซปต์เดิมที่ผู้แข่งขันกลุ่มนั้นได้สร้างเอาไว้
ระบบแนะนำหนังมีผลต่อหนังสตรีมมิ่งที่อยู่บน Netfilx ถึง 80%
มาไขข้อข้องใจที่ว่า Netfilx ข้อมูลมากมายที่นำมาวิเคราะห์นั้นมาจากไหนกัน…บริษัทเริ่มจากการเก็บรวบรวมข้อมูลจากพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน โดยเอามาจาก…
- การให้ rating หนัง
- การค้นหาหนัง
- วันที่ดูหนัง
- ดูบน platform อะไร เช่น Laptop, TV, iPad, etc.
- กดหยุดดูหนังเมื่อไหร่
- ลักษณะรายการที่ดูกับ platform ที่ดูตอนนั้นๆ มีการกลับมาดูหนังที่เคยดูค้างไว้อีกครั้งรึเปล่า
พอได้มาแล้วจะนำมาสร้าง หรือพัฒนาโปรแกรมของเขาให้ดียิ่งขึ้นเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งาน ในขั้นต่อไป
เมื่อได้ข้อมูลที่ทางบริษัทเห็นว่าเป็นสิ่งที่จะช่วยในการวิเคราะห์ เพื่อสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจของเขา ก็มาถึงขั้นตอนถัดมาว่า Netfilx เอาข้อมูลที่ได้จากลูกค้าไปใช้ทำอะไรบ้างล่ะ?
เป็นตัวช่วยในการคัดสรรซีรีย์ที่ดีที่สุดได้แก่คุณลูกค้า ยกตัวอย่างตอนที่ Netfilx ทุ่มทุนซื้อหนังเรื่อง House of Cards ทั้งหมด 26 ตอนในราคา 100 ล้านดอลล่าห์ เพราะเขาเชื่อว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นหมากตัวสำคัญที่จะพาบริษัทของเขาตีตลาดผู้ชมและเหล่า FC House of Cards ได้อย่างประสบความสำเร็จ
ผู้ใช้จะมีคอลเลกชั่นหนังใน Netfilx ที่ชื่นชอบ โดยโปรแกรมจะจัดเรียงเป็นแถวและแยกประเภทหนังที่เลือกไว้ตั้งแต่ตอนสมัครสมาชิก แนะนำหนังจากการที่ผู้ใช้ทุกคนให้ rating โดยเฉลี่ยมากที่สุดมาจัดอันดับติดท็อป N
แนะนำหนังติดเทรนในปัจจุบัน ดูจากประวัติการเข้าชม และการใช้งานใน Netfilx ของผู้ใช้แต่ละคนว่าหนังเรื่องไหนมีผู้เข้าชมมากที่สุด
เรียงลำดับหนังที่ผู้ใช้ดูค้างเอาไว้ล่าสุดเพื่อสมาชิกจะกลับมาดูใหม่อีกครั้งในภายหลัง หรือสามารถหยุดดูเรื่องเหล่านั้นได้ถ้ามันรู้สึกไม่อยากดูต่อแล้ว
แนะนำวิดิโอหนังที่คล้ายกันกับที่กำลังดูอยู่ เพราะ Netfilx มีความเชื่อว่าเมื่อลูกค้าดูหนังเรื่องหนึ่งแล้วจะชอบหนังเรื่องอื่นที่แนวคล้ายกัน ถึงแม้ว่าหนังเหล่านั้นที่แนะนำมาจะไม่ได้ถูกจัดอยู่ในหนังที่ลูกค้าเลือกจะชมก็ตาม
เข้าสู่บทสรุปของบทความ จริงๆ แล้วบทความนี้ไม่ได้มาเพื่ออวย Netfilx แต่อย่างใด แต่อยากให้ทุกคนที่ไม่เคยได้สัมผัสกับคำว่า Big Data หรืออาจจะเคยได้ยินมาผ่านๆ ได้มาเห็นภาพของการนำ Big Data มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เล่าตั้งแต่การนำข้อมูลมากมายเหล่านั้นมาจากไหน จนถึงการนำมาวิเคราะห์อย่างไรให้สร้างมูลค่าให้กับบริษัท
ถ้าถามถึงที่ประเทศไทย มีการนำ Big Data มาใช้กับหน่วยงานไหนบ้าง เช่น หน่วยงานภาครัฐ, ธนาคาร หรือแม้แต่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ยังนำข้อมูลเหล่านี้มาช่วยในการวางแผนระบบขนส่งสาธารณะ (รถป๊อบ) กันแล้ว
ขอวกกลับมาพูดถึง Netfilx… นอกจากบริการสตรีมมิ่งชื่อดัง ที่กล่าวไปนั้น ก็ยังมีเจ้าอื่นๆ ที่ให้บริการแบบเดียวกัน เช่น ifilx, Hooq, Tribe เป็นต้น และล่าสุด Netfilx ยังมีคู่แข่งที่สำคัญอย่าง Disney ที่เพิ่งขอแยกทางจากกันมาตั้งตัวสร้างสตรีมมิ่งเองเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่ง Disneyfilx กำลังเตรียมเปิดตัวในไม่ช้านี้ ใครอดใจรอไม่ไหวก็เลือกแพคเกจรายเดือนจากเหล่าบริการสตรีมมิ่งเอามาเทียบๆ กันดูเพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจนะจ๊ะ และแล้วก็ถึงเวลาต้องขอลาไปก่อน สวัสดีค่าาา
Resource: https://insidebigdata.com/2018/01/20/netflix-uses-big-data-drive-success/ https://thanachart.org/ https://www.netflix.com/ https://medium.com/@thanachart.rit/big-data-คือ-อะไรกันแน่-18e5d946cf06
ข้อมูลผู้เขียน
Dhanamon Tansirisernkul
นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง